December 26, 2009

การใช้ชีวิตในอังกฤษ

ประเทศอังกฤษมีความเจริญทางด้านวัฒนธรรม อุตสาหกรรม ความมีคุณภาพของการศึกษา และการเป็นศูนย์รวมแหล่งวัฒนธรรม สหราชอาณาจักร หรือ United Kingdom ประกอบด้วยเกาะ 2 เกาะ คือ
1. แคว้นไอร์แลนด์เหนือ (Northern Island) เมืองหลวงคือ Belfast
2. Great Britain ซึ่งประกอบด้วยประเทศอังกฤษ (England) เมืองหลวงคือ London, เวลส์ (Wales) เมืองหลวงคือ Cardiff และ สก๊อตแลนด์ (Scotland) เมืองหลวงคือ Edinburgh
ภูมิอากาศ
อังกฤษเป็นประเทศที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น และมีความชื้นสูง โดยทางเหนือจะมีอากาศหนาวเย็นกว่าทางตอนใต้ ในช่วงฤดูหนาวจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยคือ 2-4 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงฤดูร้อนจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยคือ 18-22 องศาเซลเซียส และมีฝนตกตลอดทั้งปี อังกฤษขึ้นชื่อในเลื่องการเปลี่ยนแปลงของอากาศ บางวันอาจจะมีทั้งหนาว ร้อนและฝนตกในเวลาเดียวกัน
ฤดูกาลของประเทศอังกฤษจะแบ่งคร่าวๆได้เป็น 4 ฤดู และเนื่องจากการแปรปรวนของสภาพอากาศ การเตรียมเสื้อผ้ามาจึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจเป้นอย่างยิ่ง คือ


1. ฤดูหนาว
เสื้อผ้าที่ใส่ก็จะเป็น Overcoat หนาๆ หรือพองๆซึ่งไม่แนะนำให้ซื้อมาจากเมืองไทย เพราะเปลืองที่กระเป๋า และที่นั่นมีขายเยอะมาก และลดราคากันบ่อย ไม่แพงเลย ราคาอยู่ที่ตั้งแต่ 30-250 ปอนด์
2. ฤดูใบไม้ร่วง อากาศช่วงนี้จะอุ่น ควรใส่เสื้อผ้าประมาณ Jumper และ Jacket ซึ่งก็อีกเหมือนกัน ที่นี่มีขายให้เลือกเพียบ ลายก็น่ารักๆ แนะนำว่าเอามาจากไทย แค่ 2-3 ตัวพอ แล้วที่เหลือก็มาซื้อที่นี่เอาได้
3. ฤดูร้อน หน้าร้อนที่อังกฤษจะแปลกๆ คือ บางวันร้อนมาก ชนิดที่ว่าใส่เสื้อกล้ามหรือสายเดี่ยวได้สบาย แต่บางวันก็ไม่ร้อนมาก ออกจะเย็นๆด้วยซ้ำต้องใส่เสื้อยืดแขนยาว หรือใส่ Jacket บางๆ ทับ สำหรับเสื้อผ้าหน้านี้แนะนำว่า ให้เอามาจากเมืองไทยก็ดี เพราะบ้านเราเสื้อผ้าหน้าร้อนราคาไม่แพง และไม่กินเนื้อที่มาก พวกกางเกงขาสั้นเสื้อกล้าม เอาไปด้วย เพราะที่นี่แพงมาก
4. ฤดูฝน ช่วงหน้าฝนจะตกไม่เป็นเวลาเมื่อไรก็ตกได้ทุกเวลาเลย ไม่ขึ้นอยู่กับว่ากำลังเป็นฤดูอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่สำคัญมากสำหรับที่นี่ คือ Rain Jacket เพราะที่นี่ฝนตกไม่หนัก บางทีกางร่มอาจทำให้รู้สึกเกะกะในการถือของไป ใส่ Rain Jacket สะดวกกว่ามาก ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่เมืองไทย เพราะพวกยี่ห้อที่ทำ Rain Jacket อย่าง Northface, Jack Wolfskin หรือ Columbia ส่วนใหญ่จะผลิตในไทย บางทีศูนย์ส่งออก หรือ Outlet จะเอามาขายไม่แพงมาก และที่สำคัญมันไม่หนา ก็ไม่กินเนื้อที่กระเป๋า
ส่วนร่ม แนะนำว่าอย่าเอาร่มของเมืองไทยมาเลย เพราะต้านทานลมที่อังกฤษไม่ไหว แนะนำให้ไปซื้อที่อังกฤษเอาดีกว่า เพราะจะเป็นร่มแบบ Ultra light and strong ราคาประมาณ 2 ปอนด์เอง หรือไม่ก็ร่มของ Mark and Spencer ดีมากๆ แต่ราคาก็แพง ประมาณ 7 ปอนด์
..........................................................................................................................
เวลา
ในระหว่างเดือน มีนาคม-ตุลาคม อังกฤษจะมีระยะเวลาช้าจากประเทศไทย ประมาณ 6 ชั่วโมง
ในระหว่างเดือน ตุลาคม-มีนาคม อังกฤษจะมีระยะเวลาช้าจากประเทศไทย ประมาณ 7 ชั่วโมง

..........................................................................................................................
เมืองสำคัญ

London

เมืองหลวงที่มีความหลากหลาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย มีความแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติต่างๆ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและความเจริญของประเทศ มีแม่น้ำเทมส์ไหลผ่านแบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง มีสถานที่สำคัญๆอาทิเช่น หอนาฟิกา Big Ben สะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ ฯลฯ
London มีมหาวิทยาลัยหลายแห่ง อย่างเช่น Brunel University , Kingston University , Middlesex University , Roehampton University , Royal Holloway University of London , Queen Mary London University

Oxford
เมืองประวัติศาสตร์และเป็นเมืองแห่งการศึกษาที่ได้รับการยอมรับ มีมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ทรงเลือกเป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งใจให้เป็นตัวเลือกแทนการเดินทางไปเรียนที่ ปารีสของเหล่าราชวงศ์และขุนนาง ดังนั้นเมืองนี้จึงเป็นแหล่งเรียนรู้และเมืองมหาวิทยาลัยที่ทั่วโลกรู้จัก กันดี ส่งผลให้เมืองนี้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาก เนื่องจากมีนักศึกษาต่างชาติจำนวนมาก แต่นอกจากชื่อเสียงด้านการศึกษาแล้ว อ๊อกฟอร์ดยังเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงามตามแบบอังกฤษและความงดงามของ แม่น้ำไอซิสอีกด้วย
มหาวิทยาลัยใน Oxford คือ University of Oxford และ Oxford Brookes University

Brighton
เมืองตากอากาศที่มีลักษณะของเมืองที่สนุกสนาน อยู่ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ริมชายทะเลบริเวณ Sussex และยังดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยอาหารต้นตำรับอย่างฟิช แอนด์ ซิพ นอกจากนี้เมืองไบรตันยังมีนักศึกษาอยู่มากกว่าร้อยละสิบของประชากรทั้งหมด อีกด้วย จึงเป็นเมืองที่เหมาะแก่การศึกษา บรรยากาศในเมืองมีความเป็นอิสระและสากล มีงานประจำปี Brighton Festival ซึ่งจัดในเดือนพฤษภาคมเป็นเวลาสามสัปดาห์ เป็นงานเทศกาลทางศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ
มหาวิทยาลัยใน Brighton คือ University of Brighton และ University of Sussex

Bournemouth
เมืองพักผ่อนตากอากาศทางชายฝั่งทะเลทางใต้ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ อังกฤษ บางครั้งถูกเรียกว่า “ริเวียร่าแห่งอังกฤษ” มีหาดทรายที่สวยงามยาวถึง 12 กิโลเมตร เป็นสถานที่ทีเหมาะกับการศึกษาเพราะแม้เมืองนี้จะมีสิ่งที่น่าสนใจทาง วัฒนธรรมทั้งหมดของเมืองใหญ่ แต่ก็เงียบสงบ อากาศปลอดโปร่ง และยังคงซึ่งบรรยากาศแห่งความเป็นมิตรและความปลอดภัย เป็นเมืองที่นักเขียน กวีและศิลปินต่างชื่นชอบเนื่องจากทิวทัศน์ที่เป็น “เมืองสวนริมทะเล” และยังได้รับการยกย่องจากสหประชาชาติให้เป็นหนึ่งในเมืองดอกไม้ของโลกด้วย
มหาวิทยาลัยที่น้องๆให้ความสนใจไปเรียนที่ Bournemouth คือ Bournemouth University

Bath
เมืองเก่าแก่ มีศิลปะยุคโรมันที่หลงเหลืออยู่มากมาย ความสวยงามของสถาปัตยกรรมยุคจอร์เจียนและความงดงามและความยิ่งใหญ่ทาง ประวัติศาสตร์ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่บาธได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลก เมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ได้ก่อกำเนิดและพัฒนาขึ้นจากเมืองที่มี บ่อน้ำพุร้อนซึ่งต่อมาจึงได้ใช้เป็นชื่อของเมืองนี้ บาธเป็นเมืองที่มีความเจริญและมีชีวิตชีวา เป็นการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ที่ชวนตื่นตาตื่นใจและพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี สวนและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย
มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของเมือง Bath คือ University of Bath และ Bath Spa University

Manchester
เมืองมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป เป็นเมืองท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมใหญ่ ทั้งมี Old Trafford บ้านของสโมสรฟุตบอลชื่อดัง Manchester United สภาพอากาศในแมนเซสเตอร์ค่อนข้างสบายๆ หน้าร้อนก็ร้อนหน้าหนาวก็หนาว และยังมีความชื้นในอากาศด้วย แต่อากาศในเมืองก็ยังคงเป็นอากาศแบบอังกฤษ ซึ่งยากแก่การคาดเดาใดๆเมือง Manchester มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเช่น เทือกเขา Pennines, Yorkshire Dales, Lake District และ North Wales อุทยานแห่งชาติ Peak District และ Cheshire Plains
The university of Manchester , Manchester Metropolitan University , University of Salford

Newcastle หรือ Newcastle Upon Tyne
ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือ ตั้งอยู่บนแม่น้ำ Tyne มีประชากรประมาณ 270,000 คน ผู้คนมีความเป็นมิตรและการเดินก็เป็นกิจกรรมที่ง่ายที่สุดในการชมเมือง จุดเด่นของเมืองคือ เบียร์ชื่อดัง Newcastle Brown Ale, ทีมฟุตบอล Newcastle United F.C., และ สะพาน Tyne Bridge
Newcastle มีมหาวิทยาลัยคือ Newcastle University และ Northumbria University

Glasgow
เมืองที่ใหญ่ที่สุดของ Scotland มีความสำคัญเป็นอันดับสองรอจาก London เมือง Glasgow มีความล้ำหน้าและเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมเหล็ก การต่อเรือ วิศวกรรม การเงิน การค้า ทำให้ Glasgow เป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่มากเป็นอันดับสามในยุโรปรองจาก London และ Paris
ถ้าชอบ shopping การมาเรียนที่ Glasgow จะไม่ทำให้น้องๆ ผิดหวัง เพราะ Glasgow เป็นแหล่ง shopping ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ
Glasgow มีมหาวิทยาลัย 3 แห่ง คือ University of Glasgow , Glasgow Caledonian University และ University of Strathclyde

นอกจากเมืองที่น่าสนข้างต้นแล้ว ยังมีเมืองอื่นๆที่นักเรียนไทยนิยมไปเรียน อย่างเช่น Southampton, Southborough, Aberdeen, Belfast, Lancaster, Exeter, Swansea, Cardiff ฯลฯ
..........................................................................................................................
สถานที่สำคัญของประเทศอังกฤษ
Buckingham Palace
เป็นพระราชวังที่สำคัญของอังกฤษที่สามารถเปิดให้คนเข้าชมได้ ซึ่งภายในพระราชวังจะมีห้องต่างๆ ที่น่าสนใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อาทิ ห้องบังลังก์ของกษัตริย์ ห้องแกลลอรี่ ห้องเสวยพระกระยาหาร ซึ่งห้องต่างๆ เหล่านี้ ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามและอลังการ นอกจากนี้ ภายในพระราชวังยังมีสวนที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี เหมาะแก่การเดินชมวิวเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญ คือ การผลัดเปลี่ยนเวร(Changing the Guard) การผลัดเปลี่ยนเวรจะมีขึ้นที่บริเวณ
พระราชวังบักกิ้งแฮม โดยจะเริ่มแสดงเวลา 11.30 น . และจะใช้เวลาแสดงทั้งหมด 40 นาที แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ในวันที่มีเหตุการณ์สำคัญของเมือง การผลัดเปลี่ยนเวรอาจจะงดได้ในวันที่ฝนตก
Big Ben
บิ๊กเบน ตึกสภา และมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ทั้งหมด คือ สัญลักษณ์ของลอนดอนที่ไม่เคยเสื่อมความสำคัญ ตัวบิ๊กเบนและอาคารรัฐสภาตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ ขณะนี้กำลังขัดสีฉวีวรรณเป็นการใหญ่จึงเห็นเป็นสีทองอร่าม ไม่ดำหม่นมัวด้วยคราบเขม่าควันและการเวลาเหมือนในอดีต มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์กำลังซ่อมแซมเช่นกัน เหมือนกับสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ในบริเวณใกล้เคียงที่ทำให้การเดินข้ามถนนไปมาของนักท่องเที่ยวออกจะ ลำบากไม่ใช่น้อยเลย
London Eye
บริติช แอร์เวยส์ ลอนดอน อาย (British Airways London Eye) กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศอังกฤษไปซะแล้ว สำหรับบริติช แอร์เวยส์ ลอนดอน อาย ที่สร้างขึ้นเพื่อรับปี สหัสวรรษ 2000 โดยสายการบินบริติช บริติช แอร์เวยส์ ลอนดอน อาย เป็นจุดชมวิว ที่มีลักษณะเป็นกงล้อหมุน มีความสูง 135 เมตร จุดชมวิวนี้สร้างขึ้นภายใต้แนวความคิด อากาศ น้ำ พื้นโลก และเวลา
London Chaina Town (SOHO)
เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ คนไทยในลอนดอนชอบไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าอาหารจีนเป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเป็ดย่าง Four Season ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในลอนดอน อีกทั้งยังมีซุปเปอร์มาเก็ตของคนจีนที่นำเข้า ชื่อ LOON MOON ที่มีของชำจากเมืองไทยเพียบ อยู่ใจกลางโซโฮเลย ทั้งผัก ผลไม้ ม่าม่า และซอสปรุงอาหาร แม้กระทั่ง ปลาร้า ก็มี ที่นำเข้ามาจากเมืองไทยทุกวันสดมาก เป็นที่ๆนักเรียนไทยในลอนดอนรู้จักกันดี
สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ : Piccadilly Circus , Leicester Square Tube Station
Harrods
ห้างแฮร็อดส์ (Harrods) อภิมหาเศรษฐีชาวอียิปต์ชื่อ อัลฟาเยด เป็นเจ้าของกิจการตั้งอยู่บนบรอมตันแถวๆย่าน " ไนท์บริดจ์ "(Knightsbridge) ที่ห้างแฮร็อดส์มีของขายมากมายกว่า 300 แผนก อยากจะได้อะไรข้างในมีหมด เพียงแต่ว่าจะตัดสินใจซื้อกันหรือเปล่าเทานั้น เพราะราคาข้าวของแต่ล่ะอย่างแพงหูฉี่ ในห้างมีร้านโดนัทชื่อดังอันดับ 1 ใน 10 ของโลกคือ Krispy Kream อร่อยมากขอรับประกันคุณภาพหากหาซื้ออะไรไม่ได้ ซื้อถุงก๊อปแก๊ปของห้างมาเป็นที่ระลึกก็ยังดี
สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ : Knightsbridge Tube Station
Oxford Street
แหล่งชอปปิ้ง อีกแห่งที่ไม่น่าที่จะพลาดคือ อ๊อกฟอร์ดสตรีท มีความยาวถึง 1 ไมล์ (1.6 กม .) ทั้งสองฟากฝั่งถนนอุดมไปด้วยร้านค้านานาชนิด ที่เห็นใหญ่โตมโหฬารที่สุดในย่านนี้ก็คงจะเป็นห้างที่มีชื่อว่าเซลฟริดเสจ (Selfridges) ซึ่งมีของขายตั่งแต่เครื่องใช้ในบ้าน ฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าเครื่องสำอาง เครื่องแก้ว ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าแบรนเนม ซึ่งเป็นอีกแหล่งชอปปิ้ง ที่ทุก ๆ คนประทับใจมาก
สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ : Bond Street Station, Oxford Circus tube station

แหล่งข้อมูล : http://www.khonthaiuk.com
..........................................................................................................................
ระบบโทรศัพท์
แคนาดามีระบบโทรศัพท์ที่ดีมากโดยที่สามารถหาตู้โทรศัพท์สีแดงได้ทุกมุมถนนของทุกเมือง จนตู้โทรศัพท์สีแดงนี้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของลอนดอนเลยทีเดียว
การโทรศัพท์กลับประเทศไทย : กด 00 + 66 + รหัสจังหวัด (ไม่ต้องใส่เลข 0) + เบอร์โทรศัพท์
การโทรศัพท์จากประเทศไทย : กด 001 หรือ 006 หรือ 007 หรือ 008 หรือ 009 + 44 + รหัสเมือง (สามหลัก) + เบอร์โทรศัพท์
การใช้โทรศัพท์มือถือ : สามารถนำมือถือจากเมืองไทยไปใช้ได้โดยซื้อ SIM Card แบบเติมเงินหรือ Pre-paid หรือจะใช้บริการแบบรายเดือน มีหลายเครือข่ายให้เลือกใช้ อาทิเช่น Voldafone, O2, T-Mobile, หรือ 3
อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการใช้ระบบโทรศัพท์แบบรายเดือนในช่วงแรกอาจจะยังเปิด contract ไม่ได้เพราะว่าการจะเปิด contract ที่นี่ได้ต้องมีบัญชีธนาคารก่อน และมีบัตรที่ใช้ direct debit ได้
การใช้โทรศัพท์มือถือ ก่อนจะมาแนะนำให้หาข้อมูลดูก่อนว่ามันใช้เครือข่ายแบบไหน GSM 800, 1800, หรือ 1900 หรือ CDMA ถ้าเป็นระบบ GSM ทั้งหลายก็น่าจะสะดวก เพราะบ้านเราก็ใช้แบบเดียวกัน สามารถเอามือถือไป 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งไว้ติดต่อภายในประเทศอีกเครื่องไว้โทรติดต่อกลับเมืองไทย
..........................................................................................................................
ระบบไปรษณีย์
Post office, Royal Mail และ Parcelforce Worldwide เป็นองค์กรภายใต้ Royal Mail Group plc เปิดให้บริการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 9:00-17:30 และวันเสาร์ เวลา 9:00-12:30 นอกเนือจากเวลานี้ น้องๆสามารถซื้อ stamp ได้จาก ร้านค้าทั่วไป ร้านขายหนังสือพิมพ์ ตู้ขายแบบหยอดเหรียญ
ภายในอังกฤษ การจัดส่งไปรษณีย์แบ่งได้ ดังนี้
Same Day : ระบุเวลาส่งถึงผู้รับ เริ่มต้นที่ £20
Guaranteed on time:

Special Deliver by 9:00 am เริ่มต้นที่ £10.85
Special Delivery by next day เริ่มต้นที่ £4.95
Next Day :

First Class เริ่มต้นที่ 36p ถึงผู้รับภายใน 1-2 วัน
Royal Mail Pouch Services เริ่มต้นที่ £1.55
Standard :

Second Class เริ่มต้นที่ 25p ถึงผู้รับภายใน 3+ วัน
Standard Parcels เริ่มต้นที่ £4.41 ถึงผู้รับภายใน 3+ วัน
Royal Mail Heavyweight สำหรับพัสดุที่หนักมากๆและไม่สามารถใส่เข้าตู้รับจดหมายได้ ถึงผู้รับภายใน 7 วัน เริ่มต้นที่ £1.26
Article for the Blind (ส่งจดหมายหรือพัสดุถึงผู้พิการทางสายตา) ถึงผู้รับภายใน 1-2 วัน
ต่างประเทศ การจัดส่งไปรษณีย์แบ่งได้ ดังนี้
Standard Service: Airmail: เริ่มต้นที่ 56p. ถึงผู้รับภายใน 3-5 วันทำการ
Record Services: Airsure: เริ่มต้นที่ ราคาของ airmail+£4.50 ถึงผู้รับภายใน 2-4 วันทำการ
Economy Servies: Surface Mail: เริ่มต้นที่ 54p. ถึงผู้รับภายใน 2-12 สัปดาห์
International Signed For: ราคาของ Airmail หรือ Surface Mail+£3.70

ข้อมูลเพิ่มเติม : www.royalmail.com
..........................................................................................................................
ระบบคมนาคมขนส่ง
การเดินทางในเมืองหลวงไม่เป็นที่น่าลำบากเลย ในนครลอนดอนสามารถเดินทางโดยรถบัสสีแดงสองชั้นที่มีชื่อเสียง ซึ่งสามารถนำเราไปถึงเกือบทุกที่ในมหานครลอนดอน และสามารถได้ชมทัศนียภาพของเมืองด้วย แต่ถ้าอยู่ในภาวะที่เร่งรีบการใช้รถไฟใต้ดินจะเป็นทางออกที่ดี
นอกจากนี้แท็กซี่สีดำยังเป็นที่นิยมไม่แพ้รถบัส ซึ่งสามารถเรียกโดยโทรศัพท์หรือเรียกตามถนน รถแท็กซี่มีสัญญาณสีเหลือง For-Hire หรือ Taxi ขึ้นที่หน้ารถ แต่ควรพยายามหลีกเลี่ยงในการเรียกรถแท็กซี่ในช่วงที่รถติด เพราะจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มทั้งในช่วงเร่งด่วนและค่ามิเตอร์สำกรับระยะทางอีกด้วย
อีกทางหนึ่งในการเดินทางไปลอนดอนคือการเดินทางโดยทางน้ำ การล่องเรือในแม่น้ำเทมส์ไม่ว่าจะโดยเรือท่องเที่ยวหรือเรือเมล์ก็ให้ความเพลิดเพลินในการชมเมืองหลวงไปอีกแบบ

รถไฟใต้ดินที่ลอนดอน (London Underground)

การเดินทางที่สะดวกสบายที่สุดในลอนดอน คือ รถไฟใต้ดิน กับ รถไฟ แต่น้องๆอย่าเพิ่งตกใจว่าทำไมเส้นทางมันช่างสับสน ในความเป็นจริงวิธีใช้ง่ายมาก คือ รถไฟใต้ดินจะมีวิ่งไปและกลับ สีแดงก็จะวิ่งเพียงเส้นทางสีแดง สีน้ำเงิน ก็จะวิ่งเส้นทางสีน้ำเงินเท่านั้น และจะมีสถานีปลายทางบอกไว้ เช่น ขบวนรถไฟใต้ดินสีแดงมีสถานีปลายทาง Ealing Broadway รถไฟใต้ดินก็จะวิ่ง จากด้านขวามือสุดมายังด้านซ้ายสุดที่สถานีปลายทาง Ealing Broadway ในทางกลับกัน ถ้าเราต้องการใช้สีแดงแต่จะไปด้านขวามือ ก็ดูที่สถานีปลายทางด้านขวามือ รถไฟใต้ดินก็จะวิ่งไปด้านขวามือดั้งนั้น รถไฟใต้ดินสายสีอื่น ๆ ก็ใช้วิธีเดียวกันเช่นกัน คือดูที่สถานีปลายทางเป็นหลัก ส่วนจุดกลม ๆ หมายความว่า สามารถเปลี่ยนรถไฟใต้ดินจากขบวนสายสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่ง เพียงเท่านี้เราก็สามารถเที่ยวได้ทั่วลอนดอนแล้ว และ รถไฟใต้ดินแบ่งตั๋วการเดินทางออกไปเป็นโซน ซึ่งราคาแตกต่างกันไป แนะนำให้ซื้อตั๋ว Travel card(zone1-4) อีกทั้งตั๋วชนิดนี้ยังสามารถใช้ขึ้นรถบัสได้ทุกๆสายอีกด้วย
ตั๋ว London Underground มีอยู่หลายแบบ
1. ตั๋วท่องเที่ยวในหนึ่งวัน (Travel Card)
ในตั๋วจะระบุ วันที่ ชนิดตั๋ว และโซน ในตั๋วตัวอย่างนี้ สามารถใช้ใด้ในหนึ่งวัน คือวันที่ระบุไว้ในตั๋ว และเฉพาะโซน 1-2 และจะเข้าหรือออกกี่ครั้งก็ได้ครับ ในโซน 1 และ 2 และอีกทั้งยังสามารถใช้ขึ้นรถบัสได้ทุกโซนด้วย โดยไม่ต้องจ่ายเงินขึ้นรถบัสอีกในวันนั้น ๆ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อก็ลองวางแผนดูว่าเราต้องใช้เดินทางไปโซนใหนบ้าง และเราต้องใช้รถไฟใต้ดินกี่ครั้ง
2. ตั๋วเที่ยวเดียว
นี่คือ Single (ตั๋วเที่ยวเดียว) จะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว และไม่สามารถใช้ได้อีก อีกทั้งไม่สามารถใช้กับรถบัสได้
3. ตั๋วสัปดาห์ / ตั๋วเดือน / ตั๋วปี (Oyster Card)
ตัวชนิดนี้จะมีหน้าตาเหมือนตัวอย่าง แต่จะแตกต่างตรงที่วันที่ที่ระบุวันหมดอายุบนบัตร และจะต้องใช้รูปถ่ายเพื่อที่จะทำบัตรสมาชิกรถไฟใต้ดิน ซึ่งรหัสสมาชิกจะระบุบนตั๋วด้วย อีกทั้งเวลาเจ้าหน้าที่มาตรวจต้องแสดงบัตรพร้อมทั้งตั๋วที่เรามีด้วย
Oyster Card เป็นตั๋วประเภทสัปดาห์ เดือน หรือ ตั๋วปี ด้วยเช่นกัน แต่เป็นแถบแม่เหล็ก แค่แตะตามรูปก็สามารถ เดินผ่านได้เลย นั้นรวมถึง การใช้รถบัสด้วย ซึ่งสามารถขึ้นลอนดอนบัสได้ทุก ๆ โซนเลย อีกทั้งยังสามารถใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งครับ แต่ต้องอยู่ในโซนที่เราเลือกที่จะใช้

รถบัสที่ลอนดอน
ให้ดูจุดหมายปลายทางเป็นหลัก ซึ่งจะจะเห็นด้านบนด้านหน้าของรถบัส เขียนหมายเลข ตัวหนังสือตัวเล็ก และตัวใหญ่ติดไว้ โดยตัวหนังสือตัวใหญ่ หมายถึง สถานีปลายทางที่บัสสายนี้จะวิ่งไป และ ส่วนตัวหนังสือตัวเล็ก จะบอกสถานที่ที่ผ่าน เพื่อความแน่ใจให้ถามคนขับว่าผ่านจุดหมายปลายทางที่เราต้องการไปหรือไม่
ตั๋วรถบัส มี 2 ประเภท
1. ตั๋วแบบใช้ครั้งเดียว คือ ตั๋วที่เราใช้เพียงแค่ขึ้นรถบัส และสามารถซื้อได้บนรถทันที
2. ตั๋วแบบรายสัปดาห์ คือ จะต้องระบุโซน ว่าเราจะใช้โซนใหน ควรสอบถามพนักงานเพิ่มเติมก่อนที่จะซื้อ
หมายเหตุ : ตั๋วรถบัสใช้ได้ขึ้นรถบัสเท่านั้นไม่สามารถขึ้น รถไฟใต้ดินได้
..........................................................................................................................
ระบบไฟฟ้า
ใช้ระบบ 240 V. AC. 50 Hz เหมือนประเทศไทย แต่แตกต่างกันตรงลักษณะของปลั๊กไฟใช้ชนิด 3 ขา
..........................................................................................................................
ระบบเงินตรา
ใช้เงินสกุล Pound Sterling (£) 1 ปอนด์ = 100 เพ็นซ์
เหรียญที่ใช้ประกอบด้วย 1p, 2p, 5p, 10p, 20p, 50p, 1 ปอนด์ และ 2 ปอนด์
ธนบัตรประกอยด้วย £5, £10, £20 และ £50
..........................................................................................................................
ธนาคาร
ที่ประเทศอังกฤษมีธนาคารหลายแห่งมาก อาทิเช่น HSBC, Bank of England, NatWest, Halifax ฯลฯ เวลาทำการ จันทร์–ศุกร์ เวลา 9:30-16:30 แต่บางแห่งอาจจะเปิดทำการวันเสาร์ด้วย
การเปิดบัญชีที่อังกฤษ
การเปิดบัญชีที่มีบัตร ATM ถ้าอยู่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องการเปิดบัญชีจะต้องนำหลักฐานเหล่านี้ไปด้วย
  • พาสพอร์ต
  • สมุดบัญชีของเราที่เมืองไทย(ธนาคารอะไรก็ได้)ที่แสดง สถานะทางการเงินของเรา เป็น สถานะทางการเงินภาษาอังกฤษ
  • จดหมายรับรองจากทางโรงเรียนที่ลอนดอน
  • ถ้าเรามีงาน Part time ที่ลอนดอนก็สามารถ นำใบสลิปเงินเดือนไปโชว์ด้วย (ถ้ามี)
สาเหตุที่ต้องเตรียมหลักฐานไปเยอะ เพราะว่าธนาคารที่ลอนดอนค่อนข้างจะเข้มงวดกับนักเรียนต่างชาติ ที่นั่น การมีบัญชีมีความสำคัญเทียบเท่าหมายเลขบัตรประชาชน และสามารถทำ ธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น กู้เงิน ขอบัตรเครดิต หรือ อื่น ๆ ซื้อของ
ดังนั้นเมื่อเปิดบัญชีในตอนแรก เราจะได้หมายเลขบัตรบัญชี และ ATM (บางธนาคารให้บัตรเดบิตเลย) เมื่อ เรา ใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง ทางธนาคารจะเปลี่ยนบัตรให้เป็นบัตรเดบิตการ์ด เพื่อสามารถใช้ซื้อของได้เทียบเท่าบัตรเครดิตแต่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้เหมือนบัตรเครดิต คือ เมื่อเราใช้บัตรซื้อของ ก็จะหักเงินออกจากบัญชีเราเลย อีกทั้งยังได้ดอกเบี้ยเงินฝากด้วย
ส่วนคนที่อยู่มากกว่า 3 เดือน ให้นำหลักฐานขั้นต้นข้างบน รวมกับใบเสร็จที่ยืนยันที่อยู่ของเราที่ลอนดอนที่ชัดเจนว่าเราอยู่ที่ใหน เช่น ใบเสร็จค่าน้ำ ค่าไฟ ของบ้านที่เราเช่าอยู่ และถ้าเป็นไปได้ให้ขอจดหมายยืนยันจากเจ้าของบ้านที่เราเช่าอยู่ ให้ยืนยันว่าเราได้พักอยู่ที่บ้านหลังนั้น (ถ้าในใบเสร็จ ค่าน้ำค่าไฟมีชื่อเราอยู่ด้วยจะทำให้เราสามารถเปิดบัญชีได้ง่ายขึ้น)
..........................................................................................................................
ร้านค้าและห้างสรรพสินค้า
ร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิดให้บริการเวลาประมาณ 9:00–18:00 น. ในวันจันทร์-เสาร์ บางร้านอาจจะเปิดวันอาทิตย์ด้วย และบางวัน เช่น พฤหัสหรือศุกร์อาจจะปิดให้บริการดึกกว่าปกติ
..........................................................................................................................
ที่พักอาศัย
Homestay
ที่พักลักษณะนี้เหมาะสำหรับนักเรียนใหม่ที่เดินทางไปเรียนคนเดียว โดยไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่อังกฤษเลย หรือไม่รู้จักใครเลยในเมืองนี้ นักเรียนที่อยู่กับ Homestay ในช่วงแรกจะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ถูกต้องและวัฒนธรรมตะวันตกจากเจ้าของบ้าน บางบ้านจะพานักเรียนไปเที่ยวตามสถานที่ที่น่าสนใจ หรืออาจพาไปงานสังสรรค์ที่เพื่อนๆของ เจ้าของ Homestay จัดขึ้นด้วย
Host family
เหมาะสำรับนักเรียนใหม่ เพิ่งเดินทางไปต้องการความมิอิสระมากกว่าพักอยู่กับ Homestay แต่ต้องแชร์ห้องน้ำ และ แชร์ห้องครัวกับนักเรียนต่างชาติ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมกับนักเรียนต่างประเทศ
Shared Apartment
ที่พักลักษณะนี้ คือ การอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เดียวกัน โดยหารค่าใช้จ่าย อาทิ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เป็นรายสัปดาห์ 1 ยูนิตของอพาร์ทเม้นท์ อาจมีห้องแยกย่อยข้างในตั้งแต่ 2-5 ห้อง ซึ่งนักเรียนที่เช่าอาจอยู่ห้องส่วนตัวหรือแชร์ห้องกับนักเรียนต่างชาติคนอื่น แล้วแต่การตกลงกับเจ้าของอพาร์ทเม้นท์และผู้เช่า ที่พักเป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนต่างชาติ เนื่องจากประหยัดค่าใช้จ่ายและยังสร้างสัมพันธ์ และเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ จากเพื่อนร่วม อพาร์ทเม้นท์ได้อีกด้วย
Dormitory
หอพักของโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะพบมากในมหาวิทยาลัยมากกว่าศูนย์ภาษาอังกฤษทั่วไปของเอกชน ซึ่งผู้เช่าจะต้องเช่าเป็นเทอมคือประมาณ 6 เดือน มีการสมัครและแจ้งความจำนงล่วงหน้ากับมหาวิทยาลัย ว่าต้องการ หอพักแบบใด ห้องเดี่ยวหรือแชร์ห้อง และจะอยู่วิทยาเขตไหน เจ้าหน้าที่หอพักจะจัดดูความเหมาะสมและความจำเป็นของผู้เช่า เพราะบางครั้งนักเรียนจำนวนมากมาขอเช่า หอพักอาจไม่เพียงพอแก่นักเรียนจึงอาจมีการสัมภาษณ์ และพูดคุยถึงความจำเป็น
Hotel
มีหลายระดับราคาตั้งแต่ปานกลางไปถึงแพงมาก โรงแรมที่ดีๆราคาไม่แพงนักตั้งอยู่ใจกลางเมืองมีหลายที่ แต่ถ้าจะไปเรียน การไปพักโรงแรมชั่วคราว 1-2 อาทิตย์จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง เมือเทียบกับการพักอาศัยกับHomestay โรงแรมจึงเหมาะสมกับนักท่องเที่ยวมากกว่าที่พักในระยะสั้นๆอื่นๆ
น้องๆเข้าไปหาทีพักในลอนดอนได้ที่ http://www.gumtree.com
..........................................................................................................................
ระบบการดูแลรักษาสุขภาพ
ระบบการรักษาโรคของอังกฤษ การจะเข้ารับการรักษาไม่ต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาลใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่เสียค่ายาเท่านั้น แต่การรักษาทางทันตกรรมจะมีค่าใช้จ่าย แต่การรักษาผ่าน NHS สามารถได้รับส่วนลด ขั้นตอนการขอเข้าตรวจรักษาเพื่อความสะดวกสบายของนักเรียนต่างชาติจะต้องลงทะเบียนกับสถานพยาบาล โดยจะมีแพทย์ที่จะดูแลสุขภาพของน้องๆ เพียงคนเดียว
การลงทะเบียนสามารถลงทะเบียนกับสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดกับที่พักที่เราอยู่ และทางสถานพยาบาลจะออกหมายเลขประจำตัว (GP) ให้กับน้องๆ และเมื่อน้องเกิดไม่สบาย น้อง ๆต้องโทรไปนัดล่วงหน้ากับสถานพยาบาลนั้นๆ โดยที่น้องไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวเข้ารับการรักษา
ในกรณีที่น้องป่วยหนัก น้องๆ สามารถเดินเข้าไปที่โรงพยาบาลแผนกฉุกเฉิน (Emergency) ได้ทันที โดยต้องใช้เวลาพอสมควรในการต่อคิวเพื่อเข้ารับการรักษา
..........................................................................................................................
ค่าครองชีพ
อังกฤษเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูงติดอันดับต้นๆ ของโลกโดยเฉพาะที่ลอนดอน โดยทั่วไปนักศึกษาต่างชาติที่พำนักอยู่ในลอนดอนจะใช้จ่ายประมาณสัปดาห์ละ £200 น้องๆแต่ละคนอาจจ่ายมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับการจับจ่ายใช้สอยของแต่ละคน
ตารางข้างล่างเป็นการประมาณการค่าใช้จ่าย 1 สัปดาห์ในลอนดอน
ดังนั้นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากหลีกเลี่ยงค่าครองชีพที่สูงในลอนดอน แนะนำว่าควรเลือกไปศึกษาในเมืองอื่นๆ เพื่อจะช่วยประหยัดค่าครองชีพได้มาก หรืออาจจะหางานพิเศษทำนอกเวลาเรียนก็ได้
..........................................................................................................................
การทำงานของนักเรียนต่างชาติ
นักเรียน นักศึกษาต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียน Full-Time ระยะเวลา 6 เดือนขึ้นไป กฎหมายอังกฤษอนุญาตให้สามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในช่วงเปิดเทอมและไม่จำกัดชั่วโมงในช่วงปิดเทอม
นักเรียนไทยส่วนใหญ่จะนิยมไปทำงานที่ร้านอาหารไทย เนื่องจากที่ประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะในลอนดอนมีร้านอาหารไทยอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่เจ้าของเป็นชาวไทยและไม่ใช่ชาวไทย เช่น Soho Thai, Crazy Bear, Manorom Thai, Busaba Eathai, Thai Metro, Thai Square, Thai Pin, Tuktuk, Thai Cottage, Thai Pot และอื่นๆ
โดยน้องๆ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านอาหารไทยในอังกฤษได้ที่ http://www.touchlondon.co.uk/ และเติมในช่อง Find Local Business : Thai Restaurants และ Where : London (ใส่ชื่อเมืองในอังกฤษ)
..........................................................................................................................
คำแนะนำในการเตรียมของก่อนเดินทาง
เอกสารสำคัญต่างๆ
• รายการนี่สำคัญควรนำติดตัวขึ้นเครื่องบินด้วย ห้ามเก็บไว้ในกระเป๋าที่โหลดลงท้องเครื่องบิน เนื่องจากจำเป็นต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองดูเมื่อเดินทางถึงประเทศอังกฤษ และควรเก็บรักษาให้ดี เพราะถ้าสูญหายแล้วจะหาใหม่ไม่ได้ แล้วค่าถ่ายเอกสารที่อังกฤษราคาแพงมาก เพราะฉะนั้นควรถ่ายสำเนาเอกสารสำคัญต่างๆมาจากไทยเลย เช่น
  • Passport and Visa
  • Visa letter and Acceptance Letter
  • Offer Letter Accommodation
  • IOM Certificate
  • Transcript
  • IELTS certificate and GMAT or GRE (ถ้าใช้)
  • ตั๋วเครื่องบิน
• รูปถ่าย ควรเอามาเยอะๆ เพราะที่อังกฤษไม่มีแต่งฟิล์มเหมือนบ้านเรา ถ่ายรูปออกมาแล้วรับไม่ได้
• Resume ควรเตรียมเป็นภาษาอังกฤษและถ่ายสำเนาไว้หลายๆฉบับ เพราะจำเป็นต้องใช้ในการสมัครงาน
• เช็คเดินทาง ดร๊าฟ บัตรเครดิต เพราะปลอดภัยกว่าการพกเงินสดระหว่างเดินทาง
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้า สิ่งควรจะนำไปด้วยมีดังนี้
• Notebook สำหรับใช้ติดต่อกลับมาที่ประเทศไทย โดยการส่งอีเมลล์ หรือโทรศัพท์ออนไลน์ผ่านโปรแกรม MSN, Skype เพราะจะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการโทรศัพท์
• สติคเกอร์ไทย (ถ้าจะซื้อ Notebook ที่อังกฤษ) แต่ควรระวังเรื่องสีของ font บนสติ๊กเกอร์ไว้บ้าง เพราะถ้าสีเข้มมากแต่ keyboard เป็นสีดำ เมื่อแปะไปแล้วจะมองไม่เห็นเลย ถ้าไม่ลำบากจนเกินไปควรเอามาสองอัน คือ สีขาวกับสีดำ
• ปลั๊กไฟ adapter ตัวต่อแยก เนื่องจากปลั๊กที่อังกฤษเป็นแบบ 3 ขา
กล้องถ่ายรูป และที่ชาร์ทถ่านกล้อง
• Talking Dictionary แนะนำว่า มีประโยชน์มากเพราะช่วยให้ทำรายงาน หรืออ่านหนังสือง่ายขึ้น และเร็วกว่าเปิดดิกชันนารีแบบหนังสือ ถ้าได้รุ่นที่ออกเสียงภาษาอังกฤษได้ก็ยิ่งดีเลย เพราะจะช่วยให้เราออกเสียงถูกต้อง
• ซีดีเปล่า ซีดีเพลงและหนังไทย เอาไว้เผื่อคิดถึง แต่เอามาเฉพาะที่ชอบสุดๆ นะ เพราะเดี๋ยวนี้หาดูตามอินเตอร์เน็ต ได้ง่ายซีดีโปรแกรมที่คาดว่าต้องใช้ เช่น Microsoft Office และ Norton Antivirus หรือ McAfee ก็ได้
  • ถ้าเรียนสาย Social Science ก็ควรมี SPSS แล้วถ้าไม่เคยใช้ ก็ซื้อหนังสือคู่มือการใช้ภาษาไทยมาด้วย จะช่วยได้มากเลย และถ้าเจอ Adobe Acrobat ตัวเต็ม (ที่ไม่ใช่แค่ reader) เอามาด้วยก็ดี
  • ถ้าเรียนวิศวะ ก็ควรจะเอา MatLab ติดมามีสิทธิ์ได้ใช้สูงเหมือนกัน
ส่วนรายการเครื่องใช้ไฟฟ้าในหมวดข้างล่างนี้แนะนำให้มาซื้อที่ UK
• เครื่องปริ้นท์ ส่วนหมึกปริ้นเตอร์ แนะนำให้หาดูในอินเตอร์เน็ต เช่น ร้าน Argos ว่าเราอยากได้เครื่องปริน์รุ่นไหน แล้วก็เตรียมซื้อหมึก Refill จากไทยไปได้เลย เพราะที่อังกฤษหมึกแพงมาก
• หม้อหุงข้าว ไดร์เป่าผม วิทยุ CD ที่อังกฤษราคาไม่แพงเลย สามรถซื้อได้ที่ร้าน Argos เจ้าเดิม
ของใช้ส่วนตัว สิ่งที่ควรเตรียมไปเอง ได้แก่
  • หวี กระจกเล็ก ชุดอุปกรณ์ตัดเล็บ
  • ยาสีฟันและแปรงสีฟัน ควรเอามาให้ครบปีเลย เพราะที่อังกฤษแพงมาก (หนึ่งปีจะใช้ยาสีฟันหลอดใหญ่ 4-5 หลอด และ แปรงสีฟัน 6 อันต่อปี)
  • ชุดเย็บผ้าแบบอันเล็ก เอามาเผื่ออะไรขาดจะได้ซ่อมได้
  • ถ้าสายตาสั่นและใส่คอนแทคเลนส์ แนะนำว่าควรนำคอนแทคเลนส์กับน้ำยามาด้วยให้ครบปี เพราะที่อังกฤษแพงมากแบบสามารถทำเลซิกได้เลย (โดยทั่วไปหนึ่งปีจะใช้น้ำยาประมาณ 4 ขวด)
รายการของใช้ส่วนตัวในหมวดข้างล่างนี้ แนะนำให้มาซื้อที่ UK ไม่ต้องถือไปให้หนัก
  • แป้งธรรมดา และแป้งเด็ก แชมพู ครีมนวด สบู่ โลชั่น ครีม และเครื่องประทินโฉมอื่นๆ สามารถซ้ที่ Boots ได้
  • ส่วนผ้าอนามัยที่อังกฤษราคาแพงกว่าที่ประเทศไทย แต่ก็ยังคุ้มกว่าที่จะแบกทั้งหมดมาจากไทย เพราะราคายังพอรับได้
  • เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย กระเป๋าต่างๆ สามารถไปซื้อที่อังกฤษได้เลย เพราะจะได้ของน่ารักๆ และราคาไม่แพงด้วย
เครื่องครัว ห้องน้ำ และเครื่องนอน
หมวดนี้จริงๆ แล้วมาซื้อที่นี่ได้หมด แต่ควรเอาติดไม้ติดมือมานิดหน่อยไว้สำหรับช่วงแรกที่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับประเทศอังกฤษ ได้แก่ บะหมีกึงสำเร็จรูป อาหารไทยและเครื่องแกงไทย ตรา โลโบ น้ำพริก (ถ้าแบบที่เป็นขวดหนักเอามาลำบาก แนะนำให้ซื้อเป็นซอง ยี่ห้อ OJ เพราะรสชาติใช้ได้)
รายการในหมวดนี่ที่แนะนำให้ไปหาซื้อเอาที่ประเทศอังกฤษ ได้แก่
  • มีด ฟองน้ำล้างจาน กระทะ หม้อชาม จาน
  • ถุงมือยางทำความสะอาดห้องน้ำ ถุงซักผ้า ผ้าขี้ริ้ว หรือ ผ้าเช็ดจิปาถะ
  • ผ้าคลุมเตียง ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
รายการเหล่านี่้สามารถหาซื้อในราคาย่อมเยาได้ที่ Primark, One Pound Shop, Tesco, Asda ( ที่อังกฤษไม่มีหมอนข้าง ถ้าอยากได้หมอนข้างต้องเอามาเอง)
เครื่องเขียน
ทุกอย่างที่เป็นเครื่องเขียนปกติเราชอบใช้เวลาเรียนมาให้หมด เพราะที่นี่เครื่องเขียนแพงมาก
ยารักษาโรค
  • ถ้ามีโรคประจำตัว เป็นสิว หรือแพ้ง่าย เช่น แพ้น้ำ แพอากาศ ควรเตรียมยาตามอาการประจำตัวนั้นมาด้วย แต่ยาทุกประเภทควรมีฉลากภาอังกฤษกำกับไว้ หรือถ้าต้องมีใบจดหมาย หรือใบรับรองแพทย์ภาษาอังกฤษจากแพทย์ผู้รักษากำกับมาด้วย
  • วิตามินต่างๆไม่ต้องขนมาให้หนัก เพราะที่อังกฤษมีร้านชื่อ Holland and Barrett ซึ่งมีวิตามินทุกอย่าง คุณภาพดี และราคาไม่แพง ยิ่งเมื่อเวลาลดราคาจะคุ้มมาก
..........................................................................................................................
สถานทูตไทยในลอนดอน
เมื่อนักเรียนนักศึกษาชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สามารถติดต่อสถานทูตไทยได้ที่
Royal Thai Embassy London
29 - 30 Queen's Gate London SW7 5JB
Tel : 020-7589-2944 Ext. 5502-5507 Fax : 020-7823-7492
Service Hours : Monday - Friday 9.30 AM - 12.30 P M
E-mail: csinfo@thaiembassyuk.org.uk
Website : www.thaiembassyuk.org.uk
..........................................................................................................................

No comments:

Post a Comment